ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ กุนซือประวัติศาสตร์ของทีมชาติฝรั่งเศส ปลาบปลื้มกับชัยชนะเหนือ โมร็อกโก 2-0 ในรอบตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022 ที่ทำให้ได้เข้าชิงชนะเลิศ เวิลด์ คัพ ต่อเนื่องอีกสมัย แต่ก็ยอมรับว่า ไม่อาจฉลองอะไรได้หนัก เนื่องจากต้องไปเปิดตำราหาสูตรมารับมือแข้งเบอร์ 1 โลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ที่จะนำ อาร์เจนติน่า ชิงแชมป์โลกกับทีมตนในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้
อดีตมิดฟิลด์คนดังในสังกัด มาร์กเซย, ยูเวนตุส, เชลซี, บาเลนเซีย มีเส้นทางอาชีพขั้นสุดยอด เมื่อเป็นกัปตันทีมตราไก่ชุดแชมป์โลกสมัยแรก ปี 1998 จากนั้นเมื่อเลิกเล่นแล้วก็เป็นกุนซือฝรั่งเศสชุดแชมป์โลกสมัยสอง ปี 2018 และยังนำทีมเข้าชิงไปลุ้นแชมป์โลกสมัย 3 ได้อีกในปีนี้
เดส์ชองส์ กล่าวหลังเกมสยบ โมร็อกโก 2-0 ว่า “มันให้ทั้งอารมณ์ตื้นตันใจและภาคภูมิใจ แน่นอนว่านี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญ แต่เราก็ยังเหลืออีกหนึ่งก้าว เราทำงานร่วมกันมานานนับเดือน ซึ่งไม่ง่ายเลย แต่สุดท้ายเราก็มีความสุขกัน และบรรดานักเตะของผมต่างก็ได้รับรางวัลตอบแทนความพยายาม”
โค้ชวัย 54 รับว่า ไม่อาจฉลองได้เต็มที่ เมื่อมีเกมสำคัญสุดกับ อาร์เจนติน่า ของ เมสซี่ ที่กำลังพีค กดไป 5 ประตูในบอลโลกครั้งนี้ รออยู่ “ตั้งแต่ที่ฟุตบอลโลกครั้งนี้เริ่มขึ้น เมสซี่ ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ผมเชื่อว่าหลังจากผ่านไป 4 ปี พวกเขาเป็นทีมที่แตกต่างออกไปจากเดิม เมื่อ 4 ปีก่อนผมได้คิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเขา (เมสซี่) จะไปเล่นในตำแหน่งไหน และท้ายที่สุดเขาพัฒนาตัวเองให้ไปเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวกลางในการดวลกับพวกเรา”
“จากจุดนั้น เขาดูต่อเนื่องมากกว่าเดิมในการเล่นร่วมกับกองหน้าอีกราย และเขามีอิสระมาก เขาสัมผัสบอลหลายครั้ง เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมากจริงๆ”
“เราจะทำให้แน่ใจว่าได้จำกัดขอบเขตการเล่นของเขากับการมีอิทธิพลต่อเกมให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งพวกเขาก็คงจะพยายามทำบางอย่างกับนักเตะของพวกเราเช่นกัน”
ขณะที่ เตโอ เอร์นันเดซ แบ็กซ้ายเจ้าของประตู 1-0 เกมวานนี้ กล่าวเสริมว่า “เมสซี่? เราไม่กลัวหรอก พวกเขามีทีมที่ยอดเยี่ยม แต่เราก็ยังมีเวลาเตรียมตัวอีก 2-3 วัน”
“เกมนี้ถือเป็นเกมที่ยากของเรา โมร็อกโก มีทีมที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่สุดท้ายเราชนะ และตอนนี้เราจำเป็นต้องคิดถึงนัดชิงฯ เท่านั้น เราทำงานหนักมานานร่วมเดือนเพื่อมาถึงจุดนี้ ผมเหนื่อย แต่มันก็เป็นอะไรที่งดงาม”
ด้าน วาลิด เรกรากี นายใหญ่โมร็อกโก รับว่า อดเสียดายไม่ได้ที่เกมกับ ฝรั่งเศส ทีมตนไม่อยู่ในสภาพที่พร้อม 100% จนในที่สุดก็ต้องยุติความฝันแชมป์โลกลงไป “เรามีนักเตะบาดเจ็บหลายราย บางคนซ้อมไม่ได้ บางคนต้องพลาดการลงสนาม หรือไม่ก็เจ็บระหว่างเกม แน่นอนว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย แต่มันไม่ใช่ข้อแก้ตัว”
“เราแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นของฟุตบอลโมร็อกโกแล้ว และเรามีแฟนบอลที่น่าทึ่ง เราคิดว่าเราอยู่ไม่ไกลเลยจากการที่เราสามารถต่อสู้ได้ในเกมระดับท็อป เราเล่นกันอย่างเต็มที่แล้ว มันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”
“เราเสีย อาแกร์ด ตอนวอร์มอัพ รวมทั้ง ซาอิสส์ และ มาซราอุย แต่มันไม่ใช่ข้อแก้ตัว เราต้องจ่ายค่าตอบแทนจากการก่อความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เราทิ้งโอกาสไปในครึ่งแรก และประตูที่สองฆ่าเรา แต่มันไม่อาจพรากทุกอย่างที่เราทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้”